เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๑๔.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สป. ชั้น ๕ อาคารดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมาย นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน พร้อมด้วยนางมณฑ์หทัย รัตนนุพงค์ ผอ.ตท.สป นางสาวพรชนก กฤดาธิการ นิติกรชำนาญการพิเศษ สกม.สป. และผู้แทนจาก ปค. เป็นผู้แทนเข้าร่วมการเข้าพบหารือ กับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) นำโดยนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สกพอ. (สายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ) เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการตรวจลงตราประเภทคนเดินทางผ่านราชอาณาจักร (Transit Visa) เพื่อรองรับการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นภายในพื้นที่ ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ในสัญญาร่วมทุนระหว่าง สกพอ. กับ กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

เมื่อวันที่ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๖๓ สกพอ. ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด เพื่อพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Airport City) ของประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ในระดับภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางของประเทศในด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจ การบิน และโลจิสติกส์ที่มีศักยภาพสูง จึงเห็นควรจัดทำการตรวจลงตราประเภทใหม่ได้แก่ EECa Transit Visa ซึ่งกำหนดให้ผู้โดยสารที่ต่อหรือเปลี่ยนเครื่องจากต่างประเทศหรือในประเทศ ณ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา สามารถพำนักในราชอาณาจักรไทยได้ไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง (๓ วัน) โดยสามารถยื่นขอรับการตรวจลงตราประเภท EECa Transit Visa ทางช่องทางดิจิทัลก่อนหรือในขณะเดินทางมาถึง (ไม่เสียค่าธรรมเนียม) ทั้งนี้ ผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานจำนวนเงินติดตัว หรือหลักฐานการจองที่พักระหว่างรอต่อเครื่องในประเทศไทย แต่ต้องแสดงหลักฐานบัตรโดยสายเครื่องบินไป-กลับ

กระทรวงมหาดไทยไม่มีข้อขัดข้องต่อการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้การตรวจลงตราประเภทดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ เห็นควรให้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีความเป็นรูปธรรมก่อนการดำเนินการดังกล่าวต่อไป