วันนี้ (10 ส.ค. 2566) เวลา 10.00 - 12.00 น. นางวาสนา เตชะวิจิตรสาร ผอ.กอซ. และนายภาสกร รัตนสุวรรณ นวท.ปก. ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ ห้องประชุม สบจ.สป. ชั้น 8 อาคารดำรงราชานุสรณ์ มท. โดยมีรอง นรม. (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานการประชุมฯ นายโชตินรินทร์ เกิดสม รอง ปมท. (ส) และผู้แทนกรมในสังกัด มท. เข้าร่วมประชุมฯ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยสรุปได้ ดังนี้

เรื่องเพื่อทราบ มีรายละเอียด ดังนี้
1) รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66
2) สรุปผลการประชุมองค์กรย่อยภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประจำปี พ.ศ. 2566 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
3) ความคืบหน้าของการจัดทำแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC)
4) การขยายมาตรฐานโครงการคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจด้านป่าไม้ตามมาตรฐานสากล
5) ความคืบหน้ามาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป

เรื่องเพื่อพิจารณา มีรายละเอียด ดังนี้
1) การแก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
2) ร่างองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP 28) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
3) ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 28 (UNFCCC COP 28)
4) การจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Centre for Climate Change: ACCC)
5) การเข้าร่วมเป็นสมาชิก Climate Club ของประเทศไทย
6) การปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเตรียมการจัดการประชุมภาคี การขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference: TCAC)
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบเรื่องเพื่อพิจารณา ประธานได้มอบหมายฝ่ายเลขานุการนำเรื่องที่เห็นชอบในที่ประชุมฯ เข้าที่ประชุม ครม. ต่อไป

อนึ่ง รอง ปมท. (ส) ได้กล่าวถึง ความสำคัญของการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ คาร์บอนเครดิต การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น แก่บุคลากรในสังกัด มท. รวมถึงเสนอให้มีการเชิญบุคลากรในสังกัด มท. ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับด้านดังกล่าว มาแลกเปลี่ยนความรู้ในที่ประชุมฯ เพื่อให้บุคลากรทุกคนใน มท. เข้าใจกรอบความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง อาทิ การเข้าร่วม Climate Club ของประเทศไทย แม้เป็นการแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนหลักการ ไม่มีผลผูกพันในการดำเนินธุรกรรมใด ๆ และเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในบทบาทของ มท. ควรตระหนัก และพิจารณาประเด็นที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของชาติร่วมด้วย